การมองหาโทรศัพท์มือถือมือสองอย่างชาญฉลาด

ยอมรับเถอะ! ถึงแม้ว่าโทรศัพท์มือถือ และ สมาร์ทโฟน จะเป็นสินค้าที่ออกมาใหม่ตามฤดูกาลและนับวันจะยิ่งทวีความหรูหรา ราคาแพงมากขึ้นๆ แต่ว่าพวกเราหลายคนก็ไม่ได้จะมีเงินถุงเงินถังจะไปเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์เป็นรุ่นใหม่ที่นิยมกัน ให้ทันกับเทรนด์ทันสมัยอยู่เสมอๆ นอกจากนั้น ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้มีรายได้เหลือเฟือ จะไปทุ่มกับโทรศัพท์ที่ราคาแพงมีระดับนำมาพกไว้ติดตัว ถึงแม้ว่าจะแอบชอบลึกๆ และอยากได้ก็ตาม  ดังนั้น คนเหล่านั้น ก็จะหันมาใช้วิธีอื่นๆ เช่น การ Turn เครื่องโทรศัพท์รุ่นเก่าของตัวเองเพื่อให้ได้รุ่นใหม่มาแทน หรือบางท่านก็เลือกจะซื้อโทรศัพท์อย่างดีแต่ทว่าเป็นมือสองใช้งานแล้ว ในราคาที่ถูกลง การทำแบบนี้ก็นับว่าคุ้มค่า และเหมาะกับสภาพเศรษฐกิจของแต่ละบ้านเช่นกัน  แต่ก็ต้องระวังข้อสำคัญคือการเลือกเครื่องมือสองที่ดีและสภาพใหม่จะทำอย่างไรดี?  คำตอบคือมีวิธีดูดีๆ บางจุดต่อไปนี้

สภาพแบตเตอรี่

ข้อเสียหรือจุดอ่อนที่สุดของโทรศัพท์มือถือมือสอง  ก็คือ  แบตเตอรี่นี่แหละ  เพราะว่าสภาพภายนอกของเครื่อง หน้าจอ หรือ ปุ่มต่างๆ คงใช้ตาดูได้ชัดเจน ว่ามีรอยถลอกหรือเสียหายตรงไหนหรือไม่  ในขณะที่แบตเตอรี่ส่วนมากแล้วอยู่ภายใน และไม่มีความเสียหายภายนอกอยู่แล้ว แต่ว่าการใช้งานมือสองมักจะทำให้อายุการใช้งานลดลงไม่มากก็น้อย รวมทั้งความเสื่อมของแบตเองก็ไม่มีวิธีดูแบบทันทีทันใด ดังนั้น ต้องใช้เวลาไม่รีบร้อน แต่อาจจะต้องใช้เวลามากเป็นชั่วโมงด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นให้ทำดังนี้ คือเปิดเครื่องมือสองเครื่องนั้น แล้วเล่นไวไฟ ต่อเน็ตไปประมาณ 30 นาที สังเกต % ของแบตก่อนและหลังใช้งานว่าลดมากกว่าเฉลี่ย 10% หรือไม่ ถ้าใช่ให้รู้เลยว่าแบตของเครื่องน้นเริ่มเสื่อมแล้ว อาจจะต้องขอผ่านหรือต่อรองเรื่องการเปลี่ยนแบตใหม่ได้ต่อไป

ข้อสังเกตอื่นๆ ของการเลือก

ให้สังเกตการโทรเข้าออกโดยให้ลองใส่ SIM แล้วโทรเข้าออกฟังคุณภาพของเสียง ลำโพง การแตก และความชัด เพราะว่าบางคนจะลืมจุดนี้ไปสนใจแต่ด้านอินเตอร์เน็ตเท่านั้น หลังจากนั้นให้เช็คสภาพของ Port เชื่อมต่อต่างๆ ทั้งหูฟัง และแบตหรือสายดาต้าอื่นๆ เพราะว่าจะต้องมั่นใจว่าใช้งานได้และดูจากภายนอกไม่ได้  และยังมีเรื่องกล่องด้วย  ถ้าโทรศัพท์มือสองมาแบบไม่มีกล่อง ขอแนะนำให้บอกผ่านไปเลยดีกว่า เพราะว่ามีโอกาสสูงที่จะมาจากการขโมย และเลขอีมี่กับประกันที่ไม่ตรงกันหรือไม่มีแสดงก็มีความเสี่ยงมากอยู่แล้ว สุดท้าย ขอฟันธงไว้เลยว่า  อายุการใช้งานของโทรศัพท์มือสองที่เลือกซื้อไม่ควรจะเกินระยะเวลา 2 ปี หากใช้งานนานกว่านี้แล้วขอให้คุณมองหาตัวอื่นดีกว่า เนื่องจากอะไหล่และการใช้งานของสิ่งที่จับต้องทุกวันแบบมือถือ ยังไงก็เสื่อมเร็วไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว ดังนั้น การจะเลือกมือสองที่คุณต้องการใช้งานเองอย่างต่ำ 2 ปี ก็ไม่ควรให้ระยะสภาพดีที่สุดกลายเป็นคนอื่นใช้งานไปแล้วนั่นเอง

สรุปแล้วการเลือกซื้อโทรศัพท์มือสองก็ไม่ยากเย็นอย่างที่คิด  แต่ต้องใช้เวลาและความระมัดระวังมากพอๆ กับเครื่องใหม่เอี่ยมด้วยซ้ำ ขออย่าให้ราคามาเตะตาและกระโดดเข้าใส่แบบไม่คิดอะไร ไม่อย่างนั้นความคุ้มค่าที่มองหาจะเปลี่ยนเป็นความคุ้มค่าขึ้นมาแทนได้