Samsung galaxy S10 เรือธงตัวแรกของปี 2019

เปิดตัวเรียบร้อยสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงตัวแรกของปี 2019 กับ Samsung galaxy S10 ซึ่งคราวนี้ไม่ได้มาอย่างโดดเดี่ยวพาพี่น้องมาด้วยทั้ง Samsung galaxy S10e และ Samsung galaxy S10+ แต่ที่เปิดจองในประเทศไทยยังมีแค่สองตัวท็อป S10 กับ S10+ เท่านั้น ส่วนตัวน้องรหัสลงท้าย e ตกขบวนไม่ได้มาด้วย แต่ถึงแม้จะเป็นซีรีส์เดียวกันแต่คุณสมบัติรวมทั้งงานออกแบบของแต่ละรุ่นก็แอบต่างกันราวกับเป็นคนละรุ่นเลยทีเดียวดังนั้นบทความนี้เราจะมาพูดถึงคุณสมบัติคร่าว ๆ ของ Samsung galaxy S10 และ S10+ กันก่อน

                หน้าจอแบบโค้ง Curved Dynamic Super AMOLED ขนาด 6.1นิ้วสำหรับ S10 และขนาด 6.4 นิ้วสำหรับ S10+ ความละเอียด QuadHD+ อัตราส่วน 19:9 การแสดงผลอยู่ในระดับมาตรฐาน HDR10+ ซึ่งนับเป็นหน้าจอสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในโลกณ.ขณะนี้

                หน่วยประมวลผลของทั้งคู่เป็น Exynos 9820 64-bit Octa-core 2.7GHz+2.3GHz+1.9GHz สถาปัตยกรรม 8 นาโนเมตร ในส่วนของ CPU นี่เรียกว่ากำลังล้นเหลือเลยก็ว่าได้

                หน่วยประมวลผลกราฟฟิกทั้งคู่เป็น Mali-G76 MP12 เล่นเกมความละเอียดสูง ๆ ได้ไม่มีปัญหา

                RAM ของ S10 อยู่ที่ 8GB ในขณะที่ S10+ มีให้เลือกสองแบบคือ 8GB กับ 12GB

                หน่วยความจำ Samsung galaxy S10 มีให้เลือกขนาดเดียวคือ 128GB ส่วน Samsung galaxy S10+ นอกจาก 128GB 512GB ที่มีให้เลือกแล้วยังมีขนาดมหากาฬอย่าง 1TB เข้ามาเป็นตัวเลือกเพิ่มเติมอีกด้วย!!!

                กล้องหลังเป็นแบบเดียวกันทั้งสองรุ่นคือ Triple-Camera ประกอบด้วยเลนส์ Telephoto 12 ล้านพิกเซล เลนส์ Wide-angle 12 ล้านพิกเซล และเลนส์ Ultra Wide 16 ล้านพิกเซล

                กล้องหน้าของ S10 ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ในขณะที่ S10+ มาด้วยกล้องหน้าคู่ความละเอียด 10 ล้านพิกเซลและ 8 ล้านพิกเซล แถมยังทั้งสองรุ่นยังสามารถถ่ายทอดสดและถ่ายวิดีโอบนความละเอียด 4K ได้อีกด้วย

                แบตเตอรี่ galaxy S10 ความจุ 3400mAh ส่วน galaxy S10+ มีความจุ 4100mAh ทั้งคู่รองรับระบบ Samsung Fast Charging

                นอกจากคุณสมบัติที่กล่าวไป Samsung galaxy S10 และ Samsung galaxy S10+ ยังสามารถใส่ได้สองซิม รองรับการ์ดความจำได้ถึง 2TB (ปัจจุบันในท้องตลาดมีความจุสูงสุดเพียง 512GB) แถมมีความสามารถว้าว ๆ ติดตัวมาอย่างการแปลงร่างตัวมันเองให้เป็นแท่นชาร์จไร้สายได้ ซึ่งตรงนี้หลายคนก็ยังสงสัยว่าเมื่อดูจากความจุแบตเตอรี่ที่ไม่ได้มากขนาดเหลือกินเหลือใช้ การทำให้มันแปลงร่างเป็นแท่นชาร์จไร้สายเพื่อแบ่งพลังงานให้อุปกรณ์อื่นไม่ยิ่งทำให้แบตเตอรี่ในตัวของมันสิ้นเปลืองหรืออย่างไร? ตรงนี้ซัมซุงเองชู CPU ของพวกเขาอย่างภูมิใจว่า Exynos 9820 เป็นหน่วยประมวลผลที่เร็วแรงและที่สำคัญมันประหยัดไฟจนทำให้ galaxy S10 Series สามารถแชร์พลังงานให้อุปกรณ์อื่นได้สบาย ๆ

                นี่คือ Samsung galaxy S10 Series เรือธงตัวแรกที่เข้าสู่ตลาดก่อนใครในปี 2562 โดยในเมืองไทยเปิดจองกันไปแล้วจนถึง 4 มีนาคม 2562 หลังจากนั้นเพียงสองวันในวันที่ 6 มีนาคม 2562 ลูกค้าที่สั่งจองจะทยอยได้ยลโฉมตัวจริง หลังจากนั้นนั่นเองเราคงได้รู้กันว่าตัวท็อปในตระกูล galaxy S10 จะทำอะไรได้มากกว่าที่เราเห็นจากคุณสมบัติหรือไม่?